ฤกษ์ที่ ๑ ดาวอาศวินี
ในอดีตกาล ว่ายังมีเศรษฐีผู้หนึ่ง มีทรัพย์ถึง ๘๐ โกฏิ มาภายหลังเกิดความวิบัติ พลัดพรากจากบริวารยศกลายเป็นคนยากจน อยู่เรือนร่วมกันก็แต่ภรรยากับลูกชายน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ครั้นนานมาบุตรเจริญขึ้น เห็นหมู่ประชาชนแต่งตัวงดงามพากันไปดูมหรสพ บุตรเศรษฐีอยากไปดูการมหรสพบ้าง จึงบอกแก่บิดาว่าจะไปดูการมหรสพกับเขาบ้าง ขอให้จัดหาเครื่องแต่งตัวให้เหมือนกับประชาชนเหล่านั้นเถิด บิดาจึงบอกว่าไม่มีทรัพย์สมบัติพอที่หาเครื่องแต่งตัวให้ได้ ความจนทำให้พ่อเศร้าใจอยู่
บุตรเศรษฐี จึงพูดว่าจะไปเรียนศิลปศาสตร์ เพื่อมาประกอบการหาทรัพย์ให้แก่บิดามารดา ขอให้เศรษฐีจ่ายทัพย์ให้ ๑๐๐๐ ตำลึง สำหรับไปให้แก่อาจารย์เป็นค่าเล่าเรียน
เศรษฐีมีทรัพย์เหลืออยู่ ๕๐๐ ตำลึง ไปยืมผู้อื่นให้อีก ๕๐๐ ตำลึง รวมเป็นเงิน ๑๐๐๐ ตำลึง มอบให้แก่บุตรไป บุตรเศรษฐีก็ไปสู่สำนักทิศาปาโมกข์ ณ เมืองตักกะสิลา มอบทัพย์ ๑๐๐๐ ตำลึงให้แก่อาจารย์ แล้วก็ขอเรียนวิชาแปลงกาย ได้ต่างๆ อาจารย์ก็รับสอนให้ พอบรรจบรอบปีหนึ่ง บุตรเศรษฐีก็มีความร็แปลงกายได้เป็นอันมาก จึงลาอาจารย์กลับมาสู่เคหสถานของตน แล้วก็นิมิตรกายเป็นสัตว์ต่างๆ ให้เศรษฐีบิดารมารดาพาไปขายในที่ต่างๆ ครั้นเมื่อขายแล้วเศรษฐีผัวเมียก็กลับบ้าน พอได้เวลาอันสมควร สัตว์นั้นก็กลับร่างเป็นคนหนีมาสู่สำนักของตน ทำดังนี้มาช้านานจนเศรษฐีกลับมั่งมีขึ้นดังเก่า ครั้งสุดท้ายได้นิมิตรเป็นม้ามงคล และเศรษฐีบิดานำไปขายแด่พระมหากษัตริย์เป็นราคา ๑๐๐๐ ตำลึง พระมหากษัตริย์ทรงโปรดให้นายม้าต้นขี่ม้านั้นทดลองดู ก็เป็นที่พอพระหฤทัย จึงทรงรับซื้อไว้ตามราคาที่เศรษฐีขายนั้น และให้รักษาม้านั้นไว้ยังโรงม้าริมประตูพระราชวัง
ความนี่ทราบไปถึงอาจารย์ๆก็โกรธบุตรเศรษฐีนั้นเป็นอันมาก กล่าววาจาว่ามันมานิมิตรกายเป็นม้าให้เขาขี่อยู่ดังนี้ นานไปเบื้องหน้าศิลปศาสตร์ก็จะเสื่อมเสียหมด จำจะต้องไปช่วยให้มันพ้นวิบัติเถิด ว่าแล้วอาจารย์ก็ถือเพศเป็นโยคีมาท้ากษัตริย์เล่นสกาพะนัน โยคีก็ชนะสกาแด่พระมหากษัตริย์ๆ จึงแบ่งเมืองออกกึ่งหนึ่ง พร้อมทั้งนางพระยามอบให้แก่โยคีๆ ก็หารับไม่ ทูลขอแต่ม้ามงคลตัวเดียว พระมหากษัตริย์ก็พระราชทานให้ โยคีจึงนำม้าตัวนั้นไปมัดไว้ แล้วกล่าวคำติเตียนด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบช้าต่างๆ และตีด้วยแส้อยู่ช้านาน แล้วจึงมัดทิ้งตากแดดไว้
อำมาตย์ผู้หนึ่งเห็นโยคีมัดม้านั้นตากแดดไว้ช้านานแล้ว จึงพูดอ้อนวอนโยคีขอให้ปล่อยม้าไปกินน้ำบ้าง โยคีจึงนำม้านั้นไปให้กินน้ำ ม้าได้โอกาสก็กัดสายล่ามขาด แล้วแปลงเพศเป็นปลาตัวน้อยหนีซ่อนอยู่ในน้ำ อาจารย์ก็กลายเพศเป็นปลาใหญ่ไล่สังหารปลาน้อยๆ ก็แปลงเป็นจรเข้ ปลาใหญ่ก็กลายเป็นมังกรไล่สังหารจรเข้ๆ ก็กลายเป็นเขียดน้อย เข้าซ่อนอยู่ในไหน้ำของคนซึ่งมาตักน้ำไปถวายพระมหากษัตริย์ มังกรก็กลายเป็นรุ้งบินตรวจดูเขียดน้อย ครั้นเห็นแล้วก็แปลงกายเป็นมาณพ มาแจ้งให้คนตักน้ำทราบว่า มีเขียดน้อยอยู่ในไหน้ำ คนตักน้ำก็เทน้ำนั้นเสีย เขียดน้อยก็กลายเป็นนกพิราบบินหนีไป ชายหนุ่มน้อยก็กลายเป็นเหยี่ยวไล่ตามไป นกพิราบบินหนีเข้าไปอยู่ในพระราชวัง อันเป็นที่อยู่แห่งพระราชธิดาของกษัตริย์ เมื่อนกนั้นเห็นพระราชธิดาเข้าก็มีความเสน่าหา จึงกลายเพศจากนกพิราบเป็นมาณพหนุ่มน้อยตามเดิม ลอบเข้าร่วมรักกับพระราชธิดา
อาจารย์เห็นว่าศิลปศาสตร์แห่งศิษย์ของตนจะไม่เสื่อมแล้วก็กลับไปที่อยู่แห่งตน
|