2Candles.com :: กระทู้ เทียนสองเล่ม

ชื่อผู้ใช้:
รหัสผ่าน:

 
      ลูกดิ่ง Pendulum
 

ประวัติความเป็นมาของวิชาลูกดิ่ง

         ลูกดิ่ง สิ่งที่มนุษย์ใช้กันมานานพอจะสืบทราบได้ว่าไม่ต่ำกว่าห้าพันปี มนุษย์ยุคสัมฤทธิ์จะใช้ลูกดิ่งเพื่อตรวจหาความผิดปกติของร่างกายวาเขาเริ่ม เจ็บป่วยตรงไหน เมื่อรู้ว่าป่วยก็จะหาแหวนมาสวมเพื่อการบำบัด 

จาก ข่าวการพบหลุมฝังศพถ้าเป็นพวกมนุษย์ยุคสัมฤทธิ์ก็จะพบว่าตามนิ้วของศพมี แหวนอยู่ด้วย ใส่กันหลายนิ้วที่ใส่หลายนิ้วแสดงว่าป่วยมากแม้แหวนก็รักษาไม่ได้จึงต้องจบ ชีวิตลง สำหรับมนุษย์ในยุคอื่นๆ ก็พอจะสืบทราบกันได้ว่าใช้ลูกดิ่งกันต่อๆ มาจนถึงปัจจุบัน


สำหรับเมืองไทย คนอีสานจะใช้ข้าวเหนียวปั้นเป็นลูกดิ่งโดยใช้ฝ้ายเป็นตัวสื่อเพื่อตรวจโรค ทางภาคตะวันออกจะเอาเทียนมาปั้นแทนลูกดิ่งเอาฝ้ายหรือด้ายเป็นตัวสื่อและ เรียกหมอลูกดิ่งว่าหมอล่วง ระยะหลังได้หันมาใช้ก้อนหินแทน อาจจะใช้หินใส หรือสีอื่นๆ ตามใจชอบ จึงเรียกกันว่าหมอลูกแก้ว

นอกจากจะใช้ลูกดิ่งตรวจโรคแล้ว ยังสามารถใช้ลูกดิ่งตรวจหาทำเลที่อยู่ว่าถูกโฉลกกันหรือไม่ ถ้าเลือกได้ถูกโฉลกก็จะทำให้อยู่อย่างเป็นสุข ไม่เจ็บไม่ป่วย ทำมาค้าขึ้น หรือจะใช้เลือกที่สำหรับนอน พระธุดงค์จะใช้ลูกดิ่งเลือกทำเลที่ปักกลด ถ้าลูกดิ่งบอกว่าปักกลดไม่ได้ แต่ยังขืนปักลงไปก็จะนอนไม่เป็นสุข มด-ปลวกอาจขึ้นเต็มกลด หรืออาจไปอยู่บนหลุมต่อ หรืออาจจะถูกรบกวนจากพวกจิตวิญญาณ

ลูกดิ่ง ยังสามารถตรวจพลังงานในบ้านของเราว่าเป็นไปตามหลักฮวงจุ้ยหรือไม่ ทั้งน้ำและลมไหลเวียนดีไหม  ถ้าไหลเวียนไม่ดี ลูกดิ่งจะบอกอาการอย่างหนึ่ง แต่ถ้าไหลเวียนดี ลูกดิ่งก็จะบอกอาการอีกอย่างหนึ่ง คนโบราณจะใช้ลูกดิ่งในการหาหลุมฝังศพหาแหล่งน้ำ หาแหล่งแร่ธาตุ แม้กระทั่งหาตำแหน่งปลูกต้นไม้ ซึ่งก็ใช้กันต่อมาแต่ไม่ค่อยแพร่หลายจนกระทั่ง ท่านอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา ได้ มีโอกาสศึกษาการใช้ลูกดิ่งขั้นพื้นฐานจากหมอประจำตัวของประธานาธิบดีของประ เทศเวนิสุเอร่า จากนั้นอาจารย์ได้พยายามศึกษาค้นคว้าหาประสบการณ์เพิ่มเติมจนเกิดความชำนาญ และได้นำความรู้จากประสบการณ์ออกเผยแพร่แก่ผู้ที่สนใจ จึงทำให้วิชาลูกดิ่งกลับมาเฟื่องฟูขึ้นอีกในปัจจุบัน

ส่วนในต่างประเทศ  ได้มีผู้สนใจและศึกษาวิชาเพนดูลั่มอย่างกว้างขวาง มีการจัดตั้งองค์การที่ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง 




 
      กลับหน้าหลัก - 2Candles.com