ตำนานดาวฤกษ์ และวิธีพยากรณ์ฤกษ์
ตำนานดาวฤกษ์ และวิธีพยากรณ์ฤกษ์ ฤกษ์ทั้งหมด มีอยู่ ๒๗ ฤกษ์ดังนี้
๑. อัศวินี มีอาณาเขต ๔ นวางศ์แรกของราศีเมษ จัดอยู่ในหมวด ทลิทโทฤกษ์
อัศวินี ได้แก่ เขสปกุมาร เป็นบุตรเศรษฐีมีเงิน ๑๘ โกฏิ เมื่อบิดาตาย เขสปกุมารเป็นทายาทรับมาดก ได้เอาทรัพย์สินออกแจกจ่ายแก่คนจนชาวเมืองพาราณสีจนหมดสิ้น ตนต้องไปขอทานเขากิน
ผู้เกิดฤกษ์นี้มีทรัพย์สินมรดกมากเท่าใดก็ไม่สามารถจะรักษาทรัพย์ไว้ได้ เป็นคนสุรุ่ยสุร่ายมีเท่าใดใช้จ่ายหมด
มีโหรส่วนใหญ่ให้ใช้ฤกษ์ ทลิทโทฤกษ์เป็นฤกษ์สู่ขอ แต่งงาน ความหมายของคำว่า “ทลทโท” แปลว่า “คนจน” ไม่ใช่ขอทาน ตามตำนานแสดงว่าเป็นผู้ให้มากกว่าผู้ขอ ถ้าจะใช้เป็นฤกษ์ไปทวงหนี้ น่าจะใช้ได้ดี แต่ถ้าใช้เป็นฤกษ์สู่ขอ แต่งงานแล้ว ก็จะเป็นฤกษ์อัปมงคลอย่างยิ่ง เพราะเท่ากับวางฤกษ์ให้คู่สมรสคู่นี้ประสบความหายนะ ตามตำนานฤกษ์ข้างต้นนั้น
๒. ภรณี ตั้งอยู่นวางศ์ที่ ๕ ถึงนวางศ์ทีท่ ๘ ของราศีเมษ อยู่ในหมวดมหัทธโนฤกษ์ เป็นปูรณฤกษ์
ภรณี ได้แก่ โฆสกกุมาร ได้มหาสมบัติจากมหาเศรษฐีแปดร้อยโกฏิ
ผู้ใดเกิดฤกษ์นี้ แม้เกิดในตระกูลเข็ญใจจะต้องก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจนร่ำรวยจนได้ นิสัยทั่วไปเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ใคร่เอื้อเฟื้อใคร
๓. กฤติกา ตั้งอยู่นวางศ์ท้ายราศีเมษกับสามนวางศ์แรกแห่งราศีพฤษภ เป็นฤกษ์คาบราศีประเภท “เอกตรีนิ” หรือ “ฉินทฤกษ์” คือฤกษ์แตกอย่างหนึ่ง อยู่ในหมวดโจโรฤกษ์
กฤติกา ได้แก่ หิงสกุมารสองพี่น้อง เกิดในตระกูลเศรษฐี บิดามารดาขับออกจากบ้าน จึงไปเป็นโจร ถูกจับตัวไปถวายพระเจ้ากรุงพาราณสี ๆ ทรงอุปการะชุบเลี้ยงให้เป็นทหาร ต่อมาเป็นถึงแม่ทัพแล้วคิดทุจริตยกทัพเข้าปล้นกรุงพาราณสี พระเจ้ากรุงพาราณสีจับได้ ให้ลงโทษประหารชีวิต
ผู้ใดเกิดฤกษ์นี้มักเป็นโจร
ในทางดีผู้เกิดโจโรฤกษ์ มักเป็นผู้เฉลียวฉลาด เก่งในการกีฬา และการแข่งขันทุกชนิด รวมทั้งการพนันขันต่อด้วย ถ้ามีการสอบแย่งชิงตำแหน่งกับผู้อื่น เช่น สอบแข่งขัน สอบชิงทุน สอบเลื่อนตำแหน่ง ผู้เกิดโจโรฤกษ์มักจะเป็นผู้ชนะ เป็นผู้รู้เท่าทันคนและทันเหตุการณ์ แม้แต่ในการเนอราคา ในการประกวดราคาก็มักจะเป็นผู้ชนะผู้อื่นเสมอ
๔. โหริณี อยู่นวางศ์ที่ ๔ ถึงนวางศ์ที่ ๗ แห่งราศีพฤษภ เป็นบูรณฤกษ์ ฤกษ์นี้จัดอยู่ในหมวดภูมิปาโลฤกษ์
โรหิณี ได้แก่ อ้ายยี่ ลูกกำพร้าสองคนพี่น้อง ยากจนปราศจากที่พึ่ง เที่ยวหาบฟืนขาย ต่อมายี่ได้ชวนอ้ายผู้พี่เข้ารับราชการ อ้ายว่ารับราชการจะต้องศึกษาให้ดีก่อน จึงพากันไปหาอาจารย์เรียนวิชากำบังตา ล่องหนหายตัวได้ แล้วไปขึ้นบ้านผู้อื่น เจ้าของบ้านแอบฟันอ้ายตาย วันหนึ่งพระราชาออกประพาสได้พบยี่ที่ศาลา ทรงทราบว่าเป็นผู้มีความรู้ จึงชวนให้เข้ารัยราชการ ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นมุขมนตรี
ผู้เกิดฤกษ์นี้ ผู้ชายจะได้เป็นมนตรี ผู้หญิงจะได้เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายใน จะได้ที่แดนเมือง จะมีคนเคารพบูชา จะได้ลาภจตุบททวิบาทโดยแท้ ฤกษ์นี้เหมาะแก่การปลูกบ้านสร้างรือน และสถาปนวัตถุ
ภูมิปาโล แปลว่า “ปกครองแผ่นดิน” ผู้เกิดฤกษ์นี้ มักได้ตำแหน่งทางราชการ ได้มีที่อยู่ที่ดินเป็นของตนเอง เหมาะแก่การเป็นนักปกครอง
๕. มฤคศีรษะ หรือ มิคศิระ เป็นฤกษ์คาบเกี่ยวราศี เรียกว่า ฤกษ์แตก หรือ ภินทุบาท มีอาณาเขตอยู่นวางศ์ที่ ๗, ๘ ราศีพฤษภ กับนวางศ์ที่ ๑, ๒ ราศีเมถุน เรียก พยกริกขัง หรือ ติณฤกษ์ ก็เรียก จัดอยู่ในหมวดเทศา
ตรีฤกษ์ (เทศ – ถิ่น , ตร – ข้าม มีความหมายว่า “ข้ามถิ่น” )
มิคศิระ ได้แก่ ราชกุมาร ถูหมหาชนเนรเทศไปอยู่ต่างเมือง โดยสารสำเภาไปนานาประเทศ ต่อมานายสำเภาถึงแก่ความตาย จึงได้เป็นนายสำเภาแทน
ผู้ใดเกิดฤกษ์นี้จะทุกข์บ้างสุขบ้าง อยู่กับถิ่นกำเนิดไม่ดี มีศัตรูมาก ต้องไปทำมาหากินต่างถิ่น หรือต่างประเทศจึงจะดี ฤกษ์นี้เหมาะแก่การตั้งร้านค้า การเดินทางค้าขายไปต่างถิ่น หรือต่างประเทศ อีกชื่อหนึ่งเรียก “เวสิโยฤกษ์” แปลว่าฤกษ์หญิงผู้ทำการค้า (หญิงแพศยา) ถ้าดวงชะตาหญิงใดมีพระเคราะห์ส่วนใหญ่และลัคนาเสวยฤกษ์นี้ หญิงนั้นจะทำการค้าโดยไม่จำกัด แม้กระทั่งอวัยวะของตนเอง ผู้ชายแก่เช่นกัน อาจขายตน หรือเป็นคนคุมหญิงแพศยาก็ได้
๖. อารทรา อยู่ระหว่างนวางศ์ที่ ๓ ถึงนวางศ์ที่ ๖ แห่งราศีเมถุน เป็นปรณฤกษ์ หมวดเทวีฤกษ์ คำว่า “เทวี” หมายถึง “คู่ครอง” ฤกษ์นี้เหมาะอย่างยิ่งแก่พิธีการหมั้น สู่ขอ รดน้ำสังข์ และส่งตัวเข้าหอ เพราะเป็นฤกษ์ที่ว่าด้วยการมีคู่ครองโดยตรง
อารทรา ได้แก่นางศรีสมุทภริยานายสำเภา ตกยากถึงช้อนปลาขาย ไปพยชายผู้หนึ่งแบกฟืนมาขาย ล้วนแต่เป็นท่อนจันทน์ทั้งนั้น นางจึงถามว่าฟืนเช่นนี้มีอยู่มากฤา ชายนั้นตอบว่ามีมาก นางจึงบอกให้ชายนั้นนำมาขายให้แก่ตนทั้งสิ้น แล้วจึงเอาออกจำหน่าย ได้เงินทองเป็นอันมาก นางทำอยู่เช่นนี้จนร่ำรวย สามารถกู้ฐานะของตนและสามีได้ จนมีสำเภาค้าขายดังเดิม
ผู้ใดเกิดฤกษ์นี้ จะได้คู่ครองดี มีโชคลาภและความสุข ผู้ชายจะได้ภริยาดี ผู้หญิงจะได้สามีดี โดยทั่วๆไปฤกษ์นี้เหมาะแก่การทำงานร่วมกับคนต่างเพศ จะมีโชคดีเพราะคนต่างเพศ
๗. ปุนรรพสุ อยู่ระหว่างนวางศ์ที่ ๗ ถึง ๙ ราศีเมถุน กับนวางศ์ที่ ๑ ราศีกรกฎ เป็นฤกษ์คาบราศีประเภทตรีนิเอก เป็นฉินทฤกษ์ (ฤกษ์แตก) จัดอยู่ในหมวดเพชฌฆาตฤกษ์ หมายถึง การฆ่า การกระทำที่เด็ดขาดทุกกรณี
ปุนรรพสุ ได้แก่ นายตามราชาทึก เป็นเพชเฆาตฆ่าคน ตลอดเวลา
ผู้ใดเกิดฤกษ์นี้ จะมีใจกล้าดั่งเพชฌฆาต เป็นทหารตำรวจดี เป็นนายพรานดี จะเกิดโชคลาภมีทรัพย์สินอุดมสามบูรณ์ จะเกิดโรคและตายด้วยโรค
๘. บุษยา อยู่นวางศ์ที่ ๒ ถึง ๕ ราศีกรกฎ เป็นปูรณฤกษ์ จัดอยู่ในหมวดราชาฤกษ์
บุษยา ได้แก่นางมัลลิกาลูกคนทำสวนดอกไม้ ต่อมาได้เป็นชายาของท้าวโกศลราช อีกบทหนึ่งได้แก่ ปุทลักษณ์ หนีนางอักษมุขีไปเป็นทหาร ต่อมาได้ตำแหน่งพระราชา (อักษมุขีนางยักษ์ผู้มีนัยน์ตายื่นออกมากลางหน้าผาก)
ผู้เกิดฤกษ์นี้จะเป็นผู้กล้าหาญ มีชัยชนะแก่ศัตรู มีโภคสมบัติมาก แต่มักจะมีโรค ถ้าชะตาดี ลัคนา ราศี ปีเดือน วัน อนุกูล ลูกไพร่ จะได้เป็นพระยา ลูกกษัตริย์จะได้เป็นมหาราช
๙ อาศเลษา หรือ อศิเลษะ อยู่นวางศ์ที่ ๖ ถึง ๙ แห่งราศีกรกฎ เป็นปูรณฤกษ์นวางค์ท้ายเป็นนวางศ์ขาด อยู่ในหมวดสมโณฤกษ์
อาศเลษา ได้แก่พระโมคคัลลานะผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ ประกอบด้วย วิชาการอันประเสริฐ
ผู้เกิดฤกษ์นี้ เป็นพระภิษุจะได้สมณศักดิ์ คฤหัสถ์ชายจะได้เป็นเสมียน นักการ และโหร ถ้าผู้หญิงจะได้สามีดีมีชื่อเสียง ถ้าไม่ดีจะเป็นแม่มด จะล่มจมเพราะประทุษร้ายผู้ใหญ่
ฤกษ์หมวดนี้ เหมาะแก่การประกอบกิจการเพื่อความสงบ ไม่เหมาะแก่กิจการฆราวาสทุกชนิด การใดที่จะต้องมีการแข่งขันกับผู้อื่น ไม่ควรใช้ฤกษ์นี้เด็ดขาด
๑๐ มฆา เป็นทลิทโทรอบสอง เริ่มตั้งแต่ ๔ นวางศ์แรกต้นราศีสิงห์ นวางศ์ที่ ๑ เป็นนวางศ์ขาด ทลิทโทฤกษ์อยู่ต้นราศีธาตุไฟทั้งสามราศี คือ ราศีเมษ สิงห์ และ ธนู ดังนั้นจึงไม่เหมาะแก่พิธีมงคลใดๆ เพราะเป็นฤกษ์ร้อน ผู้เกิดฤกษ์นี้ดีเฉพาะนวางค์ที่ ๔ เพราะใกล้มหัทธในฤกษ์ นอกนั้นล้วนเป็นผู้จ่ายเงินเก่งทุกราย ทลิทโทฤกษ์ คือ ฤกษ์ ๑ ฤกษ์ ๑๐ และฤกษ์ ๑๙
มฆา คือ มาฆฤกษ์ ไก้แก่เศรษฐีเมืองพาราณสี ไก้รับมรดกทอง ๑๘ โกฏิ สุรุ่ยสุร่ายใช้จ่ายจนหมดตัว มิสามารถจะครองสมบัติพัสถานเอาไว้ได้ ไปปล้นทรัพย์สินจากพระราชา ถูกจับได้และถูกตัดสินประหารชีวิต
ผู้เกิดฤกษ์นี้จะสุขบ้างทุกข์บ้าง เป็นข้าราชการ มีญาติที่ดี แต่จะครองทรัพย์สินไว้มิได้ หาโอกาสร่ำรวยได้ยาก
๑๑ บุรพผาลคุณี หรือ ปุรวผลคุณี อยู่นวางศ์ที่ ๕ ถึงนวางศ์ที่ ๘ ในราศีสิงห์เป็นปูรณฤกษ์ จัดอยู่ในหมวดมหัทธโนฤกษ์ เป็นฤกษ์แสวงหาทรัพย์สิน ตระหนี่ถี่เหนียว เหมาะแก่การใช้เป็นฤกษ์หาเงินเข้าบ้าน เปิดร้านค้า และการลงทุนทุกชนิด
บุรพผาลคุณี ได้แก่ลูกคนจนเป็นกำพร้า เมื่ออายุ ๑๖ ปี ไปเป็นลูกเรือในเรือสำเภาลำหนึ่ง นายสำเภาให้เบี้ยพันหนึ่งไปลงทุนค้าขาย ค้าขายร่ำรวยจนมีทอง ๑๘ โกฏิ กิตติศัพท์เลื่องลือไปถึงพระราชา โปรดให้เข้าเฝ้าและพระราชทานนามให้เป็นยมุนามหาเศรษฐี
ผู้ใดเกิดฤกษ์นี้จะร่ำรวย เป็นพ่อค้าใหญ่มีสำเภานาวา ปรารถนาสิ่งใดก็จะได้ มีทรัพย์ศฤงคาร มัจฉมังสาภักษาธัญญาหารอันอุดม ศัตรูจะให้ความเคารพ แต่มักจะมีโรคภัยประจำตัว
๑๒ อุตรผาลคุณี อยู่นวางศ์ท้ายราศีสิงห์กับสามนวางศ์แรกของราศีกันย์ เป็นฉินทฤกษ์ ประเภทเอกตรีนิ หมวดโจโรฤกษ์
อุตรผาลคุณี ได้แก่พระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติเป็นพระเจ้ากรุงพาราณสี ขณะนั้นมีมหาโจรทรงพลกำลังเยี่ยงช้างสาร มีบริวาร ๕๐๐ ยกมาปล้น พระเจ้ากรุงพาราณสีทรงยกพยุหแสนยาออกไปปราบ จับโจรนั้นมาได้
ผู้ใดเกิดฤกษ์นี้มักเป็นโจร
พยากรณ์เช่นเดียวกับฤกษ์ ๓ กฤติกา ข้างต้น
๑๓ หัสดา หรือ หัสตะ (หัตถะ) อยู่นวางศ์ที่ ๔ ถึง ๗ ในราศีกันย์ เป็นปูรณฤกษ์ จัดอยู่ในหมวด
ภูมิปาโลฤกษ์
หัสดา ได้แก่บุรุษหนึ่งนามกไสย ตามนิทานว่ามีคนเลี้ยงโค ๒ คน ออกไปเลี้ยงโคด้วยกัน คนหนึ่งฝากโคของตนไว้กับอีกคนหนึ่ง โดยบอกว่าจะไปเอาข้าวมาให้ให้มาก เพื่อนก็รักษาโคเอาไว้จนเย็น แล้วผู้ฝากก็เอาข้าวห่อมาให้ ผู้รับว่าน้อยไป ผู้รับจะเอาให้มากตามที่ตกลงกัน ผู้ฝากไม่ให้ ตกลงกันไม่ได้ จึงต้องนำคดีขึ้นฟ้องศาล พระราชาออกพิจารณาคดีเอง ก็ยังบังคับให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ บุรุษผู้มีนามว่ากไสยได้เข้าไปดู บอกให้เอาข้าว ๑๑ ห่อมาวางเรียงกัน แล้วถามผู้รับว่า กองใดมาก ผู้รับว่ากองกลางมาก กไสยก็ให้เอากองนั้นไป จึงเสร็จคดี พระราชาจึงแต่งตั้งให้กไสยเดป็นมนตรี
ผู้เกิดฤกษ์นี้ แม้เกิดในตระกูลต่ำ ก็จะได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ ดูคำพยากรณ์ฤกษ์ ๔ โรหิณี ประกอบ เพราะเป็นฤกษ์หมวดเดียวกัน พยากรณ์อย่างเดียวกัน
๑๔ จิตรา (จิตตะ ก็เรียก) อยู่นวางศ์ที่ ๘ , ๙ ของราศีกันย์กับสองนวางศ์แรกของราศีตุลย์ เป็นฤกษ์แยกราศีเช่นเดียวกับฤกษ์ ๕ มฤคศีรษะ อันเป็นฤกษ์หมวดเทศาตรีฤกษ์ หมวดเดียวกัน
จิตรา ได้แก่พระโพธิสัตว์กับสหาย ๒ คน ชื่อเทวจิตกับสารจิตเจรจาชวนกันไปอาศัยเมืองหัสตินาปุระมหานครอยู่ พระราชาเรียนกตัวเข้าไปพบ พระโพธิสัตว์ก็แสดงพระธรรมถวายพระราชาทรงพอพระทัยก็ยกราชบุตรีบูชาธรรมประทานแก่พระโพธิสัตว์ ส่วนเทวจิตรกับสารจิตรก็พระราชาทานยศและตำแหน่งให้เป็นราชเสวกซ้ายขวา
ผู้เกิดฤกษ์นี้จะได้ไปได้ดีในต่างถิ่นดังนิทานนี้
๑๕ สวาติ อยู่นวางศ์ที่ ๓ ถึงที่ ๖ ในราศีตุลย์ เป็นบูรณฤกษ์ อยู่ในหมวดเทวีฤกษ์ เกี่ยวกับคู่ครองโดยตรง
สวาติ ได้แก่นิทานเรื่องบุษยนารี ความว่ามีสตรีหนึ่งชื่อ นางสาไขย มีอาชีพเก็บผักขาย มีบุตรีชื่อ บุษยนารี เมื่ออายุ ๑๕ ปี ไปเป็นสาวใช้มหาเศรษฐี ต่อมานางภัทราภริยามหาเศรษฐี ถึงแก่ความตาย มหาเศรษฐีจึงยกบุษยนารีขึ้นเป็นศรีภรรยา มีบุตรด้วยกันคนหนึ่ง เมื่อเศรษฐีถึงแก่ความตาย สมบัติทอง ๑๘ โกฏิก็ตกอยู่แก่บุตรของบุษยนารี นางก็ได้อยู่กับบุตรอันเป็นมหาเศรษฐีต่อมา
ผู้เกิดฤกษ์นี้ ผู้ชายจะได้ดีเพราะภริยา ผู้หญิงจะได้ดีเพราะสามี เป็นเจ้าของทรัพย์สินเงินทองประกอบด้วยศฤงคารข่าคน ดูคำพยากรณ์ฤกษ์ ๖ ประกอบ เพราะเป็นฤกษ์ในหมวดเดียวกัน คำพยากรณ์จึงเป็นอย่างเดียวกัน
๑๖ วิ สาขา อยู่นวางศ์ที่ ๗ ถึงที่ ๙ ราศีตุลย์ กับนวางศ์แรกราศีพิจิก เป็นฉินทฤกษ์ประเภทตรีนิเอก อยู่ในหมวดเพชฌฆาตฤกษ์
วิสาขา ได้แก่นายตามราชาทึก อันฆ่าคนมิขาด
ผู้เกิดฤกษ์นี้ จะเป็นทหารหรือเป็นเพชฌฆาต เป็นชาวประมงพรานขัดแร้ว หญิงจะเป็นแพศยาในประเทศนั้น หรือไปหากินในประเทศอื่น
ผู้เกิดหมวดเพชฌฆาตฤกษ์ จะเป็นผู้มีใจกล้าหาญ ตัดสินใจเด็ดขาด กล้าได้กล้าเสีย อันเป็นลักษณะโดยตรงของผู้เกิดเพชฌฆาตฤกษ์ทั่วไป
๑๗ อนุราธา อยู่นวางศ์ที่ ๒ ถึงที่ ๕ แห่งราศีพิจิก เป็นปูรณฤกษ์ จัดอยู่ในหมวด ราชาฤกษ์
อนุราธา ได้เมื่อพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ
ผู้เกิดฤกษ์นี้จะได้โภคสมบัติ เป็นที่ต้องใจหญิง ถ้าทำหารช่างก็จะเจริญดี ถ้ามีพระเคราะห์เป็นมหาอุจ ลูกไพร่จะได้กินเมือง สุภาพสตรีมีเชื้อสายจะได้เป็นราชกัลยาณี
ผู้เกิดราชาฤกษ์จะมีลักษณะเป็นผู้นำ หรือเป็นหัวหน้าดำเนินกิจการทุกประเภท อย่างต่ำอาจเป็นหัวหน้ากรรมกร แล้วแต่วาสนาแห่งชะตาจะอำนวย ในลักษณะเดียวกับฤกษ์ ๘ บุษยา
๑๘. (เขษฐะก็เรียก) อยู่นวางศ์ที่ ๖ ถึง ๙ แห่งราศีพิจิก นวางศ์ที่ ๙ เป็นนวางศ์ขาด
เจษฎา ได้เมื่อพระราชาเจษฎาบดินทร์เสวยราชย์ ส่งเจ้าฟ้ามงกุฎพระอนุชาออกทรงผนวช ทำนุบำรุงพระอนุชาให้เจริญทางสมณาธิปัตย์ ค้นคว้าวิชาโหราศาสตร์จนเชี่ยวชาญมีพระนามกระเดื่องไปทั้งไตรภพ เชี่ยวชาญทั้งรัฐประศาสนศาสตร์และการพระศาสนาทรงตั้งพระสงฆ์ธรรมยุติกาขึ้น
ผู้เกิดฤกษ์นี้จะต้องภัยจากราชศัตรู มีสมบัติมัจฉมังสาภักษาธัญญาหารมาห บมิถือเอาที่ผิดจะมีทุกข์ ถ้ามีมหาอุจ ๕ องค์จะเป็นฤษีเหาะเหินเดินอากาศได้ เป็นภิกษุจะได้เป็นสังฆราช เป็นพราหมณ์จะรู้จบไตรเพท ถ้ามีมหาอุจ ๓ องค์ จะเป็นนักพรต ดาบส ฤษี บาทหบวง ชีปะขาว มีมหาอุจ ๒ องค์ ทรงคุณเช่น ๓ องค์ ถ้ามีมหาอุจองค์เดียวจะเป็นผู้รอบรู้ธรรม ถ้าหญิงจะเป็นมารดาภิกษุผู้รู้ธรรมวินัยดี
สมโณฤกษ์ แปลว่าฤกษ์สมณะ หรือฤกษ์แห่วความสงบ ผู้เกิดฤกษ์นี้ชอบอยู่อย่างสงบหรือบำเพ็ญทางจิต ไม่เหมาะแก่การทำมาหากินทางโลก เช่นเดียวกับฤกษ์ ๙ อาศเลษา
๑๙.มูละ อยู่ ๔ นวางศ์แรงของราศีธนู เป็นบูรณฤกษ์ แต่นวางศ์แรกเป็นนวางศ์ขาด จัดเป็นทลิทโทฤกษ์
มูละได้แก่นางสุพรรณี บุตรีเศรษฐีนางปาตลีบุตร มีทอง ๑๘ โกฏิ เมื่อเศรษฐีถึงแก่กรรม ทรัพย์นั้นไม่ได้หกับนาง นางตกเข็ญใจไร้ทรัพย์
ผู้เกิดฤกษ์นี้ จะเป็นคนไร้ทรัพย์ เป็นโรคในใจ จะมีภัยด้วยโรค ตายด้ววยสัตว์ร้าย
ผู้เกิดทลิทโทฤกษ์ คือฤกษ์๑ ฤกษ์ ๑๐ และ ฤกษ์ ๑๙ ทุกราบมักเป็นคนใช้เงินเป็นเบี้ย มีทรัพย์สินเท่าใดก็ใช้หมด ในที่สุดหลายเป็นคนจนทุกราย อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้ทันฤกษ์ก็ควรจะหาทางตัดการใช้จ่ายเสียแต่แรก มีเงินควรหาทางหมุนเงินโดยการลงทุนหรือนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์เสีย เพื่อประโยชน์ในอนาคต (ดูฤกษ์ ๑ อัศวินีและฤกษ์ ๑๐ มฆา ประกอบ)
๒๐ บุรพาษาฒา หรือ ปุรวาษาฒ อยู่นวางศ์ที่ ๕ ถึงที่ ๘ ในราศีธนู เป็นปูรณฤกษ์ หมวดมหัทธโนฤกษ์ คำ “มหัทโน” คือ มหา – มาก , ธน – ทรัพย์ แปลว่า ผู้มีทรัพย์มาก ผู้เกิดมหัทธโนฤกษ์ คือฤกษ์ ๒ ภริณี ฤกษ์ ๑๑ บุรพผาลคุณี และฤกษ์นี้ มักเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ใคร่ใช้เงิน รอแต่จะรับด้านเดียว ผู้เกิดฤกษ์หมวดนี้ จึงมีอนาคตร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีทุกราย (เว้นแต่ดาวในดวงชะตาส่วนใหญ่จะขัดขวางอย่างแรง จึงจะไม่เป็นไปตามกล่าว)
บุรพาษาฒา ได้แก่ศรีวีระลูกคนเข็ญใจแห่งนครอินทรปรัสถ์ เก็บใบมะขามอ่อนให้มารดาขาย ทำนาได้ข้าว ๓ เกวียน เก็บหญ้าเอาไปให้พ่อค้าม้า พ่อค้าม้าให้ลูกม้ามาตัวหนึ่ง โตขึ้นกลายเป็นม้าอาชาไนย เศรษฐีผู้หนึ่งเอาทองมาขอแลกกับม้า ศรีวีระก็ไม่ยอมแลก กิตติศัพท์เรื่องม้าอาชาไนยล่วงรู้ถึงพระราชา พระราชาเอาทองสิบแสนมาให้ศรีวีระ ศรีวีระรับเอาทองนั้นมาลงทุนค้าขาย จนมีทองถึง ๘๐ โกฏิ พระราชาจึงทรงสถาปนาให้ศรีวีระเป็นมหาเศรษฐีแห่งนคร
ผู้เกิดฤกษ์นี้ หากทำมาหากินทางค้าขายจะมีเงินทองมาก มีความสุขได้ลาภสการและผู้หญิง ได้ความสุขเพราะผู้หญิง (ดูฤกษ์ ๒ และ ๑๑ ประกอบด้วย)
๒๑ อุตราษาฒา อยู่นวางศ์ท้ายราศีธนู กับสามนวางศ์แรกราศีมังกร เป็นติณฤกษ์เอกตรีนิ อยู่ในหมวดโจโรฤกษ์
อุตราษาฒา ได้แก่มหาสุข บุตรเศรษฐีเมืองไพศาลี คบหากับโจรประกอบอาชญากรรม ปล้นสดมภ์ประชาชน ประชาชนช่วยกันจับมหาสุขกับพวกได้รวม ๕๐๐ คน นำเอาไปถวายพระราชา พระราชาสั่งให้ประหารชีวิตโจรทั้ง ๕๐๐ เอาไว้แต่มหาสุข ครั้นพระราชาสวรรคต โหราจารย์ประชุมกันยกมหาสุขเป็นกษัตริย์สืบไป
ผู้เดิกฤกษ์นี้จะเป็นโจร มักมีภัยจากศัตรูและโรคภัย มีมหาอุจองค์หนึ่งต้นร้ายปลายดี (ดูฤกษ์ ๓ กฤติกา ฤกษ์ ๑๒ อุตรผาลคุณี ประกอบ)
๒๒ ศราวณี อยู่นวางศ์ที่ ๔ ถึงที่ ๗ แห่งราศีมังกร เป็นปูรณฤกษ์ หมวดภูมิปาโลฤกษ์ มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับฤกษ์ ๔ โรหิณี และฤกษ์ ๑๓ หัสดา เพราะเป็นฤกษ์หมวดเดียวกัน
ศราวณี ได้แก่นิทานดังนี้ มีเมืองๆหนึ่ง ชื่อสุนทคีรีนคร ชาวเมืองอินทรปรัสถ์ ได้ส่งเตาทองจัดมาให้เป็นบรรณาการ เต่าทองตัวนี้เป็นเต่ายนต์กลปริศนา ไข่เป็นทองคำได้ถึง ๑๐ ปี แต่ในสุนทคีรีนครเต่าไม่ยอมไข่ ชาวอินทรปรัสถ์ จึงเยาะเย้ยว่า ถ้าจะให้เต่าไข่ให้เจ้านครมากราบขอเรียนวิชากับตน กษัตริย์ทรงพระพิโรธ รับสั่งให้ตีฆ้องประกาศหาผู้มีปัญญา บุรุษหนึ่งรับอาสาเอาเข็มยอมจมูกเต่า เต่าจึงออกไข่ พระราชาจึงแต่งตั้งให้บุรุษนั้นเป็นขุนพล
ผู้เกิดฤกษ์นี้ จะเป็นข้าราชการชั้นมนตรี มีข้าทาสบริวาร ยานพาหนะ บุตร ภริยา เป็นหลักฐาน
๒๓ ธนิษฎา (ธนิษฐา, ศรวิษฐา ก็เรียก) “มีทรัพย์สินเป็นที่พอใจ” อยู่ ๒ นวางศ์ท้ายราศีมังกร กับ ๒ นวางศ์แรก ราศีกุมภ์ เป็นติณฤกษ์หรือฤกษ์อกแตก ฉินทฤกษ์ ภินทุบาท ประเภทพยกริกขัง หมวดเทศาตรีฤกษ์ มีคุณสามบัติเช่นเดียวกับ ฤกษ์ ๕ มฤคศรีษะ และฤกษ์ ๑๔ จิตรา
ธนิฎา ได้แก่พระยาอุเทน พลัดพรากจากญาติภูมิไปเป็นพระราชาในต่างถิ่น
ผู้ใดเกิดฤกษ์นี้ไปต่างประเทศจะได้ดี เป็นข้าราชการฑูตหรือกงศุล เดินทางบกดี ทางเรือไม่ดี ถ้าเกิดเมืองเหนือให้ไปอยู่ปักษ์ใต้ หรือกลับกัน จะได้ลาภสการและยศศักดิ์สูง
๒๔ ศตภิษัช อยู่นวางศ์ที่ ๓ ถึงที่ ๖ แห่งราศีกุมภ์ เป็นปูรณฤกษ์ หมวดเทวีฤกษ์มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับฤกษ์ ๖ อารทราและฤกษ์ ๑๕ สวาติ เพราะเป็นฤกษ์หมวดเทวีฤกษ์ด้วยกัน
ศตภิษัช ได้แก่นิทาน ยังมีราชธิดาองค์หนึ่ง จำเริญวัยควรแก่การสยุมพร พระราชาทรงประกาศให้ท้าวพระยาสามนตราชปราชญ์เศรษฐีกวีชาติทั้งปวง มาประชุมกันที่หน้าพลับพลา แล้วสั่งให้ราชธิดาออกไปดู ถ้าพอใจผู้ใดให้เอามาลัยสวม พระบิดาจะอุปภิเษกให้ พระราชธิดาเกิดพอพระทัยอโศภาผู้เฒ่า เนื่องด้วยบุพเพสันนิวาส จึงเอาพวงมาลัยสวมให้เฒ่าอโศภา ประชาชนพากันถากถางว่านางชอบมีผัวแก่ พระราชบิดาก็อุปภิเษกให้ครองกัน ครั้นนานมาพระบิดาสวรรคต ราชสมบัติก็ตกอยู่แก่อโศภาผู้เฒ่านั้น
ผู้เกิดฤกษ์นี้จะได้ดีเพราะคู่ครอง มียานพาหนะโชคลาภ พรั่งพร้อมทั้งที่ดินและเคหสถานบ้านเรือนอุดมสมบูรณ์
๒๕ บุรพภัทรปทา หรือ ปุรวภัทรบท อยู่ ๓ นวางศ์ท้ายราศีกุมภ์ กับนวางศ์แรกราศีมีน เป็นติณฤกษ์ประเภทตรีนิเอก หมวดเพชฌฆาตฤกษ์ มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับฤกษ์ ๗ ปุนรรพสุ และฤกษ์ ๑๖ วิสาขา อันเป็นฤกษ์หมวดเพชฌฆาตฤกษ์เช่นกัน
บุรพภัทรปทา ได้แก่นายบุณฑริกพรานป่า มีความสัตย์มั่นในดวงใจ หากปรารถนาจะยิงสัตว์ใด ก็จะเอาแต่ตัวนั้น ตัวอื่นจะไม่ทำร้ายเป็นอันขาด ครั้งหนึ่งนายพรานขึ้นไปอยู่บนยอดเขาสูง อยากน้ำจนอ่อนกำลังต้องลงนอน จึงสั่งพระพายให้ไปบอกน้ำให้ขึ้นมา พระคงคาทราบก็ไหลขึ้นไปยังยอดเขา นายพรานก็ได้ดื่มและอายน้ำเป็นที่สำราญใจ ด้วยอำนาจความสัตย์ซึ่งยึดถืออยู่เป็นประจำ
ผู้เกิดฤกษ์นี้จะเป็นเพชฌฆาตหรือพราน ประกอบด้วยมัจฉมังสาภักษาธัญญาหารอันอุดม จะมีศักดิ์เป็นพระยาโดยแท้
๒๖ อุตรภัทรปทา อยู่นวางศ์ที่ ๒ ถึงที่ ๕ แห่งราศีมีน เป็นปูรณฤกษ์ หมวดราชาฤกษ์ มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับฤกษ์ ๘ และฤกษ์ ๑๗ อนุราธา อันเป็นหมวดราชาฤกษ์ด้วยกัน
อุตรภัทรปทา ได้แก่ทุรจิตเข็ญใจ เที่ยวหาบฟืนขายอยู่ในกรุงหัสดินาปุรมหานคร ได้เงินมาก็แบ่งกินบ้างเก็บไว้บ้าง ต่อมาพระราชาสวรรคต หามีราชวงศ์จะสืบรัชทายาทไม่ อำมาตย์จึงเสี่ยงราชรถ เทพยดาได้พาราชรถนั้นไปเกยที่ทุรจิต พวกอำมาตย์ก็ได้อัญเชิญทุรจิตขึ้นเสวยราชสมบัติ ทุรจิตปกครองสมบัติด้วยความยุติธรรม เมื่อดับขันธ์ก็ไปบังเกิดในสัคคเทวโลก
ผู้เกิดฤกษ์นี้ ลูกไพร่จะได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ หญิงจะได้เป็นนางพระยา มีข้าทาสบริวารและยานพาหนะ ทรัพย์สินอุดมสมบูรณ์
๒๗ เรวดี อยู่ ๔ นวางศ์ท้ายราศีมีน เป็นปูรณฤกษ์ นวางศ์ท้ายเป็นทั้งนวางศ์ขาดและวรโคตมนวางศ์ เช่นเดียวกับนวางศ์แรกของราศีเมษ หมวดสมโณฤกษ์ เช่นเดียวกับฤกษ์ ๙ อาศเลษา และฤกษ์ ๑๘ เจษฎา เพราะอยู่ในหมวดสมโณฤกษ์ด้วยกัน
เรวดี ได้แก่ เทวาจารย์มหาฤษี สำเร็จญาณ ไปสู่สวรรค์และลงมามนุษย์ในลัดนิ้วมือเดียว
ผู้เกิดฤกษ์นี้ แม้มีอุจ ๘ องค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันต์ ถ้าอุจจาวิลาศจะเป็นฤษีมีอิทธิฤทธิ์ เหาะเหินเดินอากาศได้รอบจักรวาล ถ้าเป็นภิกษุจะได้เป็นสังฆปรินายก รู้จบพระไตรปิฎก ถ้ามีอุจ ๒ องค์จะเป็นนักบวช นักศึกษาอันอุดม ถ้าหญิงจะเป็นแม่พระ ถอยลงมาจะเป็นแม่มด แต่มักเกิดทุกข์ |