ฤกษ์ที่ ๑๕ ดาวสวาดิ
มีนิทานเล่าว่า มารพผู้หนึ่ง พ่อแม่นั้นตายเสียแต่เมื่อมาณพนั้นยังเล็กอยู่ จึงเที่ยวสัญจรร่อนเร่ขอทานเขาเลี้ยงชีพไปหลายหัวเมือง วันหนึ่งเห็นนักบวชรูปหนึ่ง ให้อาหารแก่สุนัขตัวเมียตัวหนึ่ง อาหารนั้นเจือปนด้วยอาหารอันมีโอชารสหลายอย่าง มาณพนั้นจึงว่า ตูข้านี้ยังบ่เคยได้กินอาหารดีๆ อย่างที่หมาตัวนี้กินสักหนหนึ่งเลย นักบวชนั้นมีความสงสาร ก็จัดอาหารที่มีให้มาณพนั้นกิน มาณพนั้นกินอาหารมิได้รู้สึกอิ่มเลย กินจนเกินขนาดถึงท้องแตกตาย แล้วก็ไปเกิดเป็นลูกสุนัขตัวเมียที่นักขวชขุนนั้นเป็นสุนัขผู้โทน นางสาวนักบวชผู้หนึ่งมีใจสงสารก็เอาไปเลี้ยงไว้ ครั้นสุนัขนั้นใหญ่ขึ้นก็มีความรักเจ้าของเป็นอันมาก เจ้าของจะไปทิศใดๆ มันก็ตามไปด้วยเสมอ จนคนทั้งหลายค่อนว่า นางชีนี้มีผัวเป็นสุนัข จึงไปไหนไม่ได้ห่างข้างกันเสียเลย นางสาวนักบวชได้ยินดังนั้น ก็มีความละอายใจเป็นอันมาก จึงได้เอาไหน้ำบรรจุของหนักผูกกับคอสุนัขนั้น แล้วนำไปถ่วงน้ำเสีย
เทพเจ้าปรารถนาจะให้เป็นคติตราอยู่ในโลก จึงอุปถัมภ์กำเนิดเป็นดาวสวาดิ รูปเป็นเหนียงผูกคอสุนัข ดังนี้
เพื่อให้ประจักษ์แก่ตาโลกว่า บุคคลมีความพอใจด้วยสิ่งใดๆ เมื่อถึงกาลมรณะก็เป็นกรรมติดตามตน มาณพนั้นจึงได้ไปเกิดเป็นลูกสุนัขด้วยความพอใจสุนัขนั้น และด้วยความพอใจรักใคร่ในนางชีนั้นก็ถูกถ่วงน้ำอีกเล่า ความรักอันวิปริตเห็นผิดเป็นชอบย่อมทำให้ผลกรรมดังสวาดิดาราฤกษ์นี้
บทนี้เป็นมูลพยากรณ์ว่า หญิงชายผู้ใดเกิดมาเมื่อพระจันทร์เสวยสวาดิฤกษ์ จะพลัดพรากจากบิดามารดาแต่น้อย เที่ยวร่อนเร่ไปในทิศานุทิศทั้งปวง แล้วจะถึงกาลมรณะด้วยกินอาหารผิดสำแลงแล |